ศ.ดร.โรเบิร์ต พลัทชิค (Robert Plutchik)ได้สร้างสรรค์วงล้อแห่งอารมณ์ (The Wheel of Emotions) ขึ้นมา โดยเสนอว่าอารมณ์หลัก (Basic Emotions) ประกอบด้วย 4 คู่ตรงข้าม ได้แก่
- ความรื่นเริง (Joy) คู่กับ ความเศร้า (Sadness)
- ความโกรธ (Anger) คู่กับ ความกลัว (Fear)
- ความวางใจ (Trust) คู่กับ ความรังเกียจ (Disgust)
- ความประหลาดใจ (Surprise) คู่กับ ความคาดหวัง (Anticipation)
โดยในแต่ละอารมณ์หลัก ยังประกอบด้วยความเข้มข้น (Intensity) ทางอารมณ์ ที่ทำให้เกิดอารมณ์ต่าง ๆ ขึ้นมา ในสายธารเดิมของอารมณ์หลักนั่นเอง ได้แก่
- ความรื่นเริง (Joy) อยู่ระหว่าง ความสงบปลอดโปร่ง (Serenity) และ ความปิติยินดี (Ecstasy)
- ความเศร้า (Sadness) อยู่ระหว่าง ความหดหู่ (Gloominess) และ ความเศร้าโศก (Grief)
- ความโกรธ (Anger) อยู่ระหว่าง ความรำคาญ (Annoyance) และ ความเดือดดาล (Fury)
- ความกลัว (Fear) อยู่ระหว่าง ความขี้ขลาด (Timidity) และ ความหวาดกลัว (Terror)
- ความวางใจ (Trust) อยู่ระหว่างความยอมรับ (Acceptance) และ ความยกย่อง (Admiration)
- ความรังเกียจ (Disgust) อยู่ระหว่าง ความไม่ชอบ (Dislike) และ ความรังเกียจเดียดฉันท์ (Loathing)
- ความประหลาดใจ (Surprise) อยู่ระหว่าง ความไม่มั่นใจ (Uncertainty) และ ความพิศวง (Amazement)
- ความคาดหวัง (Anticipation) อยู่ระหว่าง ความสนใจ (Interest) และ การเฝ้าดู (Vigilance)
นอกจากนี้เมื่อนำอารมณ์หลักต่าง ๆ มาผสมกันแล้ว ก็จะเกิดอารมณ์ใหม่ ๆ ขึ้นมามากมาย เช่น
- ความรัก (Love) เกิดจาก ความรื่นเริง (Joy) + ความวางใจ (Trust)
- ความยอมจำนน (Submission) เกิดจาก ความวางใจ (Trust) + ความกลัว (Fear)
- ความสะพรึงกลัว (Awe) เกิดจาก ความกลัว (Fear) + ความประหลาดใจ (Surprise)
- ความไม่ยอมรับ (Disapproval) เกิดจาก ความประหลาดใจ (Surprise) + ความเศร้า (Sadness)
- ความไม่เชื่อ (Unbelief) เกิดจาก ความประหลาดใจ (Surprise) + ความรังเกียจ (Disgust)
- ความสำนึกผิด (Remorse) เกิดจาก ความเศร้า (Sadness) + ความรังเกียจ (Disgust)
- ความสบประสาท (Contempt) เกิดจาก ความรังเกียจ (Disgust) + ความโกรธ (Anger)
- ความก้าวร้าว (Aggressiveness) เกิดจาก ความโกรธ (Anger) + ความคาดหวัง (Anticipation)
- ความมองโลกในแง่ดี (Optimism) เกิดจาก ความคาดหวัง (Anticipation) + ความรื่นเริง (Joy)
- ความปลาบปลื้มใจ (Delight) เกิดจาก ความรื่นเริง (Joy) + ความประหลาดใจ (Surprise)
- ความอยากรู้ (Curiosity) เกิดจาก ความวางใจ (Trust) + ความประหลาดใจ (Surprise)
- ความเชื่อ (Fatalism) เกิดจาก ความวางใจ (Trust) + ความคาดหวัง (Anticipation)
- ความอิจฉา (Envy) เกิดจาก ความเศร้า (Sadness) + ความโกรธ (Anger)
- ความดูถูกถากถาง (Cynicism) เกิดจาก ความรังเกียจ (Disgust) + ความคาดหวัง (Anticipation)
การประยุกต์ใช้วงล้อแห่งอารมณ์ (The Wheel of Emotions)
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เรื่องอารมณ์ความรู้สึกจึงมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ ทั้งในวิถีชีวิตและการงาน หากเรามีความเข้าใจที่มาของอารมณ์เชิงบวก เราก็สามารถที่จะก่อประกอบเหตุปัจจัย โดยการกระตุ้นให้เกิดอารมณ์พื้นฐานเชิงบวก ซึ่งนำมาสู่บรรยากาศที่เกื้อหนุนการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ ต่อไปนี้คือตัวอย่างบางส่วน ในการประยุกต์ใช้วงล้อแห่งอารมณ์ (The Wheel of Emotions)
ความปลาบปลื้มใจ (Delight)
เมื่อเราทราบว่า “ความรื่นเริง (Joy) + ความประหลาดใจ (Surprise) จึงเกิด ความปลาบปลื้มใจ (Delight)” หากเราต้องการให้ลูกค้าปลาบปลื้มใจ (Delight) ในสินค้าหรือบริการของเรา เราจำเป็นต้องสร้างความสุข ความรื่นเริงให้เกิดขึ้นในสินค้าหรือบริการ (Joy) นอกจากนี้ สินค้าหรือบริการของเรา ยังจำเป็นต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ดีเกินคาดลูกค้าอีกด้วย (Surprise)
ความอยากรู้ (Curiosity)
เมื่อเราทราบว่า “ความวางใจ (Trust) + ความประหลาดใจ (Surprise) จึงเกิด ความอยากรู้ (Curiosity)” หากเราต้องการสร้างบรรยากาศในการเรียนการสอน ให้ผู้เรียนเกิดความสนใจใคร่รู้ (Curiosity) เราจำเป็นต้องสร้างบรรยากาศแห่งความไว้วางใจ (Trust) ให้เกิดขึ้นในห้องเรียน รวมถึงก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาหลัก จำเป็นต้องมีการอรัมภบท หรือ ยิงคำถามที่น่าสนใจ แบบเกินคาดเดาร่วมด้วย (Surprise)
ความเชื่อ (Fatalism)
เมื่อเราทราบว่า “ความวางใจ (Trust) + ความคาดหวัง (Anticipation) จึงเกิด ความเชื่อ (Fatalism)” หากเราต้องการให้สินค้าหรือบริการของเราได้รับความเชื่อถือนิยมชมชอบ เราก็จำเป็นต้องนำเสนอความเชื่อและภาพฝันของเรา รวมถึงเปิดรับความคิดเห็นจากลูกค้า เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความวางใจ (Trust) ซึ่งกันและกัน ให้ลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งในความเชื่อและภาพฝันของเรา สามารถคาดหวังอนาคตร่วมกันได้ (Anticipation) บรรยากาศแห่งความเชื่อถือนิยมชมในสินค้าหรือบริการ (Loyalty) ก็จะเกิดขึ้นมา
สิ่งสำคัญมาก ๆ ก็คือ การคำนึงถึงประโยชน์สุขร่วมกันในสังคม ไม่ใช้ความรู้ในด้านอารมณ์ไปปั่นกระแสทางสังคมเพียงเพื่อประโยชน์ของตนแต่ฝ่ายเดียว สิ่งที่ควรส่งเสริมให้เกิดขึ้นในสังคมก็คือ การสร้างการตระหนักรู้ทางอารมณ์ (Emotional Awareness) โดยการส่งเสริมอารมณ์เชิงบวก และ ทัศนคติในเชิงบวก (Positive Outlook) ให้เกิดขึ้นกับตัวเอง และ ผู้คนรอบตัวครับ