“ศิลปะก็เป็นเพียงศิลปะ เพราะศิลปะไม่ใช่ธรรมชาติ” ( Art is art only because it is not nature ) – เกอเท ( Goethe, 1749-1832 ) กวีชาวเยอรมัน
“ศิลปะ คือ การแสดงออก” ( ART is expression ) – เฮอเบิร์ต รีด ( Herbert Read, 1893 ) นักวิจารณ์ศิลปะชั้นนำชาวอังกฤษ
“ศิลปะ คือ กิจกรรมอันต่อเนื่องแห่งสากล ที่ปราศจากการแบ่งแยกระหว่าง อดีต และ ปัจจุบัน” – เฮนรี่ มัวร์ ( Henry Moore, 1989 ) ประติมากรรมสมัยใหม่ชาวอังกฤษ
“ศิลปะ หมายถึง งานอันเป็นความพากเพียรของมนุษย์ ซึ่งจะต้องใช้ความพยายามด้วยมือ และ ด้วยความคิด” – ศ.ศิลป์ พีระศรี ( C. Feroei, พ.ศ. 2435-2505 )
ปัจจุบัน มนุษย์สร้างผลงานต่างๆ ขึ้นมาใหม่ทุกๆวัน ไม่ว่าจะเป็น บทเพลง บทกวี งานเขียน ละคร หรืองานโฆษณา ฯลฯ โดยผู้สร้างผลงานอาจมีจุดมุ่งหมายต่างๆ กันไป เช่น
- มุ่งสร้างสรรค์ผลงานให้เกิดประโยชน์ มีความปรารถนาดี
- มุ่งสร้างความนิยมในผลงาน โดยการกระตุ้นกิเลสในใจคน
- มุ่งความพอใจ มีความสุข เบิกบานใจ ในการสร้างผลงาน
- มุ่งพัฒนาร่างกายและสมอง ด้วยการใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือ
- มุ่งพัฒนาจิตใจ โดยใช้ศิลปะขัดเกลากิเลส ลดอัตตาตัวตน
ไม่ว่าผู้สร้างผลงานจะมีจุดมุ่งหมายเช่นไร สิ่งที่เราควรสนใจ คือ ทำอย่างไรจึงสามารถมองผลงานศิลปะ ผ่านเปลือกนอก เข้าไปให้เห็นถึงแก่นข้างใน คือ เห็นคุณ เห็นโทษ นำมาสอนใจตัวเองได้ สิ่งนี้อาจเรียกว่า “ศิลปะของผู้เสพศิลปะ” เป็นสิ่งสำคัญที่เราควรใส่ใจในการดำรงชีวิตในสังคมปัจจุบัน
ร่างกายของเราเป็นห้องเรียนรู้ที่ดีที่สุด และ สามารถเรียนรู้ได้ ทุกที่ ทุกเวลา โดยมีสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นนักเรียน โดยให้ ใจ เป็นหัวหน้าห้อง ครูที่มีสติ จะคอยอบรมนักเรียน ให้สำรวมอย่างเหมาะสมอยู่ทุกขณะ ถึงแม้นักเรียน จะเผลอทำสิ่งไม่ดี ก่อโทษเข้ามา ครู ก็ต้องสงบ ปล่อยวางอารมณ์ได้ มองเห็นตามจริง พัฒนาปัญญา เพื่อให้การอบรมนักเรียน ให้รู้จักเลือกรับในสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อหนุนชีวิตให้มีความเจริญในโอกาสต่อไป
เมื่อมีอารมณ์ภายนอกกระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็เห็นตามจริงว่ามีการแปรเปลี่ยนไปได้ ต้องปล่อยวางให้เป็นเรื่องของอดีต เหมือนกระแสน้ำไหลผ่านไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องหน่วงเหนี่ยวไว้เพราะจะฝืนธรรมชาติ เราสามารถเริ่มต้นใหม่ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ได้ทุกขณะ และ เมื่อมีสติรู้ว่า กำลังทำสิ่งที่เป็นประโยชน์อยู่ ก็สามารถยินดีในทำนั้น ความยินดีจะส่งผลให้เกิดความสุขขึ้นได้ในปัจจุบันขณะ การมีสติเบิกบานด้วยปัญญาเช่นนี้ คือ ศิลปะสูงสุดของชีวิต
ลักษณะที่ไม่มีกิเลส และ ไม่มีความทุกข์
มีแต่ความสดชื่นของร่างกาย และ
จิตใจที่ปราศจากกิเลส และ ความทุกข์”
— พุทธทาสภิกขุ —
ขอบคุณภาพประกอบ จากกัลยาณมิตร Chaisura Suwannarong