ศรัทธาจึงรู้ รู้จึงศรัทธา : Faith and Wisdom

☀  ในการเดินไปข้างหน้า เมื่อเท้าซ้ายถูกก้าวออกไป จึงมีการก้าวเท้าขวา และ เท้าขวาที่พึ่งก้าวออกไปนั้น ก็เพื่อให้สามารถก้าวเท้าซ้ายต่อได้อย่างมั่นคง ศรัทธา และ ปัญญา ก็เช่นเดียวกัน ศรัทธาจึงเกิดปัญญา เมื่อเกิดปัญญามากขึ้น จึงนำมาซึ่งศรัทธาที่สมดุลกัน

ศรัทธาจึงรู้ รู้จึงศรัทธา 

คำว่ารู้ในที่นี้ คือ การรู้ในสิ่งที่เคยคิดว่าจริง แต่เอาเข้าจริง มันไม่จริง ส่งผลให้เกิดการคลายการยึดมั่น ในสิ่งที่ไม่จริงแท้ทั้งหลายลง ความศรัทธาย่อมมากขึ้นๆ ความกลัวน้อยลงๆ แปรผันตามคุณภาพของการรู้นั่นเอง

สุดท้ายที่แท้ แค่หายโง่ ก็เพียงพอ

ในชีวิตประจำวัน เมื่อคลี่คลายจากกรอบความคิดเห็นเดิมของตนได้ไว ก็สามารถนำไปสู่แก่นสาระที่แท้จริงได้ไว สบายๆ ชิวๆ มีประสิทธิภาพทั้งผลที่ดี และ เวลาที่น้อยลง พร้อมทั้งยังมีคุณภาพจิตใจ ได้ทั้งปัญญา และ ความเมตตาด้วย จึงพบว่า สุดท้ายเก่งไม่กลัว ที่แท้แค่หายโง่ (จากสิ่งที่ยึด) นี่ฉลาดขึ้นเยอะเลย


☀  กลางปี พ.ศ. 2555 ผมได้เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปกราบครูบาวัดผาตากเสื้อ ท่านเป็นศิษย์ ของหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ หลังจากสนทนาธรรมสักพัก ผมขอความเมตตาจากท่าน อยู่วัดปฏิบัติธรรมสัก 1 วัน ท่านบอกว่าที่นี่ไม่ได้ตระเตรียมไว้สำหรับญาติโยมมาปฏิบัติ แต่ท่านอนุญาตให้ผมฝึกปฏิบัติในเขตสังฆาวาสได้ ถึงแม้เพียง 1 วัน หรือ มากกว่านั้นก็ตาม ท่านให้ถือศีลปฏิบัติธรรมเช่นเดียวกับนาค 2 ท่าน ที่มาขอบวชเป็นพระป่า (ผู้ขอบวชเป็นพระป่าต้องมาเป็นนาค นานจนกว่าจะได้รับการรับรองให้บวช) ผมมาพร้อมเสื้อผ้าชุดเดียวติดตัว ท่านเมตตาจัดหาชุดขาว และ เครื่องนอนให้



☀   วัดผาตากเสื้อ ตั้งอยู่บนหน้าผาห่างจากถนน 7 km ในเขต ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ. หนองคาย


☀  พระอาจารย์ให้ผมพักอยู่กุฏิ หลังรองสุดท้าย ซึ่งต้องเดินเท้า ขึ้นมาจากบริเวณวัด ตามหน้าผาอีก 1 km ผมลองจับเวลาดู เดินเรื่อยๆ ใช้เวลา 15 นาที ก็ถึงครับ บริเวณวัดใช้ไฟฟ้าเท่าที่จำเป็น จากพลังงานแสงอาทิตย์ แต่พอขึ้นมาข้างบน บริเวณกุฏิสงฆ์ตามรูปนี้ จะไม่มีไฟฟ้าใช้แล้วครับ ด้านหน้ากุฏิเป็นหน้าผา ด้านหลังเป็นป่า เวลากลางคืนจะมืดสนิท บรรยากาศสงัดถึงขีดสุด ผมจะจุดเทียน 1 เล่ม ทำตามครูบาอาจารย์ครับ การเรียนรู้ด้วยการทำตามผู้ที่มีภูมิธรรมสูงกว่าเรา เป็นทางเลือกที่ผมไม่ลังเลที่จะทำครับ พอแสงเทียนสลัวได้ที่ จึงทำให้ ตำราที่เราจะอ่านได้อย่างชัดเจนที่สุดในเวลานี้ คือ การอ่านความรู้สึกภายในจิตใจของเราเอง พอจะคิดออกไปข้างนอก แสงเทียนเล่มนั้น ก็ดึงความรู้สึกกลับมาอยู่ที่ตัวเองอยู่ดีครับ พอลืมตามองออกไปไกลๆ ก็เจอแต่ความมืดสนิท และ ในสถานการณ์นี้ ขืนหากไม่สำรวมระวังสายตา อาจเจออะไรที่คาดไม่ถึงก็ได้นะครับ 555+

☀  ทุกเช้าเวลาตี 3 ผมจะเริ่มเดินเท้าลงมาตามหน้าผา เพื่อเตรียมทำวัตรเช้าที่ศาลา โดยจะได้แสงไฟ จากไฟฉาย 1 กระบอก แค่พอนำทาง ด้วยความมืด และ ระยะทางที่ค่อนข้างไกล ช่วงนี้ จึงได้ฝึกเอาชนะความกลัวจากความคิดด้วยครับ ภาพถ่ายที่เห็นนี่ถ่ายในช่วงบ่ายของวันหนึ่งนะครับ ตอนกลางคืนมืดสนิทเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง เลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้ครับ ^__^




☀ ทุกอิริยาบถ คือ ประสบการณ์การปฏิบัติธรรมที่ล้ำค่ามากครับ เช่น ในช่วงเตรียมทำวัตรเช้า (เวลาก่อนตี 4) บนศาลาวัด ชั้น 2 ยังคงมีแค่แสงเทียนจากหน้าพระประธาน ครูบาท่านจะมานั่งเตรียมความพร้อมกันล่วงหน้า บรรยากาศอย่างเงียบ ผมได้เรียนรู้ การเดินบนไม้กระดานอย่างไรให้เบาทีสุด ถ้าเราเดินไม่ระวัง ไม้กระดานจะลั่น ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบครับ


☀  หลังทำวัตรเช้า ผมได้ออกตาม ครูบาบิณฑบาต ความสดชื่นในยามเช้า และ การได้รับพลังศรัทธาจากชาวบ้าน พลอยทำให้ใจเราแช่มชื่นเบิกบานไปด้วยครับ การฝึกรับถุงข้าว ถุงอาหาร จากครูบามาใส่ย่าม ก็ทำให้เราได้ ฝึกสติอยู่กับกาย เพราะหากเผลอสติไปในช่วงนี้ อาจทำให้ข้าวปลาอาหารที่ชาวบ้าน ตั้งใจเตรียมมาใส่บาตร ตกแตกได้ครับ



☀  ในช่วงฉันเช้า ผมรับประทานอาหารพร้อมกับครูบา นั่งต่อหน้าท่านในระยะที่ไม่ห่างกันมาก ด้วยความเป็นผู้น้อย จึงต้องรับประทานอย่างสำรวม ด้วยความเงียบ เราจึงต้องมีสติอย่างสูง ต้องคอยสังเกตตัวเองไม่ให้ขบเคี้ยวเสียงดัง ในช่วงนี้ ผมไม่ได้เงยหน้ามองสิ่งใดเลยครับ ทุกอิริยาบถ คือ การฝึกปฏิบัติเพื่อเจริญสติตลอดเวลา

☀  ในช่วงบ่ายๆ ผมได้กวาดตาด (แปลว่า กวาดลานวัด) อย่างมีสติที่สุด พระอาจารย์ สอนว่า ให้กวาดรอบบริเวณกุฏิที่พักของตัวเองก่อน จากนั้น จึงกวาดที่อื่น


☀  ภาพรวม คือ ผมได้สัมผัสถึง ปฏิปทา (แปลว่า การประพฤติ ปฏิบัติ) ที่น่าเลื่อมใสของครูบา จากการได้สัมผัสอรรถรสแห่งชีวิตครั้งนี้ ผมมั่นใจเลยว่า “พูดน้อย ปฏิบัติมาก” ตามอย่างครูบา คือ ทางหนึ่ง สู่มรรคผลนิพพาน และ สามารถปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และ ผู้อื่นได้ในชีวิตประจำวัน คือ ประหยัดเวลาอ่านหนังสือแนวคิดชีวิตไปได้มาก สุดท้ายที่แท้ แค่หายโง่ก็เกินพอ



☀  สรุปว่า ผมอยู่ปฏิบัติ 4 วัน 3 คืน จนถึงงานบวชของนาค 2 ท่าน ที่ปฏิบัติอยู่ในช่วงเดียวกัน ในวันที่ผมกลับ ครูบาท่านพากันเชื้อเชิญให้ผมบวชเรียนที่นี่ได้ สามารถมาบวชเป็นพระ ช่วยดูแลห้องหนังสือ หรือ จะสอนวิชาการให้กับเณรก็ได้ (จริงๆ เณรที่วัดนี่ เก่งกว่าผมนะครับ) การได้รับการเชื้อเชิญครั้งนี้ สร้างความปีติ อิ่มเอมใจเป็นอย่างมาก เมื่อระลึกถึงก็ภูมิใจ ถึงแม้ผมอาจยังไม่ได้บวชเรียนในครั้งนั้น แต่ก็เป็นเหตุปัจจัยสำคัญให้ต่อมา 1 ปี ผมได้บวชเรียน 

☀  1 ปีต่อมา บวชเรียนสมาทานกรรมฐานตลอดพรรษา พ.ศ. 2556  โดยมี หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และ พระวิปัสสนาจารย์ จำพรรษาที่ศูนย์วิปัสสนา ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ศูนย์ 4 เขมรังสี ต.บ้านซุ้ง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะบวชอยู่ จึงได้รู้ว่าพระอาจารย์ เคยศึกษาปฏิบัติอยู่กับหลวงปู่เหรียญมาก่อน


☀  2 ปีต่อมา ในวันที่ 21 เมษายน 2557 ผมก็ได้พาคุณพ่อไปทำบุญ ได้กลับไปที่ วัดผาตากเสื้อ ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย อีกครั้ง ในวันเดียวกันนี้ ก็ได้ไปกราบเคารพครูบาอาจารย์ของครูบาอาจารย์ น้อมนำคำสอนของ หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ที่ วัดอรัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย กลับมาปฏิบัติอีกด้วย

ขอบคุณเหตุปัจจัยต่างๆ ที่นำพาให้ได้มีโอกาสพัฒนาชีวิตครั้งสำคัญ

 
เขียนโดย : รัน ธีรัญญ์

Comments

comments